เหล็กไหล ความลี้ลับที่โลกปัจจุบันยังต้องการคำอธิบาย และท้าทายให้พิสูจน์ เหล็กไหลมีการเอ่ยถึงมานานแสนนาน ที่ปรากฏเป็นหลักฐานก็คือวรรณคดี ที่กล่าวถึงสุดยอดของเครื่องรางของขลังทั้งมวล เป็นของวิเศษที่ทรงมหิทธานุภาพ ทรงอานุภาพในการคุ้มครองเจ้าของ ให้พ้นเภทภัยแคล้วคลาด
ในทางธรณีวิทยา เหล็กไหลก็น่าจะเป็นเพียงแร่ธาตุชนิดหนึ่งหรือเป็นผลึกของสสารชนิดหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงนั้นยังไม่สามารถฟันธงไปได้ว่าเป็นอะไรกันแน่ เพราะว่าเหล็กไหลแต่ละองค์ที่ได้มาไม่สามารถประเมินราคาได้ใครมีของจริงมักปกปิดและหวงมาก แต่ที่ซื้อขายกันเอามาอวดทดลองกัน 99% เป็นของเทียมเลียนแบบ โดยมีการแต่งนิทานประกอบความเชื่อ
ตำนานเหล็กไหลเป็นเรื่องลึกลับยากต่อความเข้าใจ เราได้การบันทึกจากเกจิอาจารย์โบราณ กล่าวสรรเสริญเหล็กไหลไว้เป็นพรรณนาว่า เหล็กไหลมี 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1.เหล็กไหลที่มีจิตวิญญาณครอง เป็นธรรมธาตุที่มีจิตอันมีรัศมีผ่องใสเป็นชั้นอรูปพรหมคุ้มครองรักษา มีลักษณะเป็นแสงสว่างแห่งปัญญา มีอยู่ตามถ้ำที่มีพระสุปฏิปันโนแต่ครั้งโบราณมาบำเพ็ญภาวนาอยู่ โดยมีลักษณะเคลื่อนไหลคล้ายหินงอกหินย้อย ได้สั่งสมบารมีจนเมื่อมีผู้มีวาสนาที่จะได้ครอบครองผ่านมา เทพพรหมที่คุ้มครองรักษาเหล็กไหลเหล่านั้นก็มอบส่งผ่านให้แก่ผู้มีบุญวาสนาต่อไป ด้วยเหตุแห่งผู้ครอบครองนั้นมีจิตอยู่ในกุศลกรรมปฏิบัติ สัมมาปฏิบัติตลอดเวลาไม่หวังจะซื้อขาย แต่เป็นสมบัติเดิมของผู้นั้น
เหล็กไหลนี้ประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 อันได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ปรุงแต่งให้วิจิตรด้วยทิพย์แห่งญาณที่มีฤทธิ์อันบริสุทธิ์ทำให้เหล็กไหลนี้เสมือนสิ่งมีชีวิต มีความอ่อนนุ่มพลิ้วไหว แต่เมื่อสัมผัสจะมีความแกร่งทรงมหิทธานุภาพไม่เหมือนก้อนกรวดธรรมดา บางครั้งแสดงตัวเป็นโลหะ แต่บางครั้งก็แสดงตัวเป็นอโลหะ มีหลายสีในตัว บางครั้งด้านไม่มันวาวบางส่วนก็มีความเหลือบเป็นประกายค่อนข้างอธิบายยาก เพราะอธิบายจากของจริงลักษณะดังกล่าวเกิดแต่จริตและบารมีของเทพพรหมที่ประดิษฐ์สร้างขึ้น แล้วแต่บารมีที่ผู้ครอบครองสั่งสมไว้
เหล็กไหลชนิดนี้จะมีขนาดประมาณหัวแม่มือขนาดกำลังห้อยคอ จัดว่าดีที่สุดมีอิทธิฤทธิ์มากที่สุดดีกว่าเหล็กไหลทุกประเภท เนื่องจากเป็นเหล็กไหลที่มีเทพพรหมคุ้มครองอยู่ จึงแสดงฤทธิ์เมื่อจำเป็นเท่านั้น เอามาทดลองไม่ได้ถ้าหมดวาสนาบารมีจะสูญหายไปเอง
2.เหล็กไหลที่มีจิตครอง เหล็กไหลประเภทนี้มีฤทธิ์อำนาจของเทพระดับต่ำลงมา อย่างสูงแค่ชั้นรูปพรหมที่อดีตเป็นฤๅษี สำเร็จญาณมีบุพกรรมและความปรารถนาบางอย่าง ประจุพลังเข้าไปคล้ายกับเหล็กไหลประเภทแรก เหล็กไหลนี้สามารถบังคับฤทธิ์ได้โดยใช้อาคมเรียกเอา ส่วนมากมีสีมันวาว ยืดได้หดได้ ไหลเคลื่อนได้ ล่องหนหายตัวไม่ได้ ถ้ามีผู้วิชาสามารถสื่อถึงจิตที่เฝ้ารักษาอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เทพ นาคราช ยักษ์ ฤๅษี คนธรรพ์ ถ้าท่านยอมแล้ว ก็ใช้วิชาตัดเอา
เหล็กไหลทุกประเภทชอบอยู่ในถ้ำสะอาดสงบเย็น ไม่มีค้างคาวอาศัยอยู่ เหล็กไหลประเภทนี้ชอบน้ำผึ้งมากมักพบใกล้รังผึ้งตามหลืบผาที่สูง ถ้าบริเวณนั้นไม่มีผึ้งอาศัยหรือมีรังต่ออยู่ใกล้ เหล็กไหลจะหายไปเหลือแต่ซากหรือที่เรียกว่าโคตรเหล็กไหล
ดังนั้นเหล็กไหลประเภทนี้แม้มีฤทธิ์มาก แต่ไม่สามารถคุ้มครองตัวเองได้ ถ้าเจอผู้มีวิชาอาคมแก่กล้ากว่า ก็อาจถูกทำลายหรือแย่งชิงไปได้ เพราะมีแต่พลังอย่างเดียว ใครมีเหล็กไหลชนิดนี้ไว้ครอบครองมักไม่เปิดเผย
วิธีได้มาของเหล็กไหลที่ไม่ได้เช่าหาคือเดินป่าหาเอง ถ้าเป็นคนดีมีวิชา เรียนวิชาดวงธรรม เป็นที่รักของเทพทั้งมวล มีญาณระดับสูง จะรู้ด้วยญาณวิถีว่า สมควรจะได้เหล็กไหลไว้คุ้มตัว ก็เพียงอัญเชิญท่านก็เสด็จมาอยู่ด้วย โดยไม่ต้องยุ่งยาก เพียงแต่การรักษาไว้นั้นยากกว่ามาก
ดังนั้นถ้าเราต้องเพียรรักษาความดีนั้นยากที่จะรักษาไว้ ความดีนั้นต้องเกิดจากกมลสันดานที่เป็นคนดีอย่างเป็นเนื้อแท้ การใช้ความพยายามที่จะรักษาไว้ มันอาจจะเผลอหลุดต้องเฝ้าระวัง
จากรูปที่ลงมาให้ชมนี้ เป็นสมบัติส่วนตัวของเกจิอาจารย์ท่านหนึ่ง เป็นเหล็กไหลที่พิสูจน์แล้วว่า เป็นเหล็กไหลประเภทที่มีจิตวิญญาณครอง สอบได้ความว่า อัญเชิญขอจากองค์พระพิฆเนศวรได้ที่ถ้ำแถบดอยหลวงเชียงดาวจังหวัดเชียงใหม่ มีลักษณะธรรมชาติคล้ายส่วนพระเศียรขององค์พระพิฆเนศวร มองบางมุมคล้ายสังข์ขององค์พระนารายณ์ ล้วนแต่เป็นสัญญลักษณ์ที่เป็นมงคลทั้งสิ้น มีสีเหลือบดำ ปีกแมลงทับ ปลายเหลือบสีเงินยวง บ้างก็สีท้องปลาไหล มีขนาดประมาณหัวแม่มือ เหล็กไหลองค์นี้เลี่ยมหลังเกาะรัดด้วยทองคำ